เรื่องราวนวัตกรรมของเรา

ที่แมริออท เราไม่เคยหยุดค้นหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการให้บริการลูกค้า มอบโอกาสให้กับพนักงานของเรา และขยายธุรกิจให้เติบโต บริษัทที่เริ่มต้นจากการเป็นแผงขายรูทเบียร์ A&W ขนาด 9 ที่นั่งได้รับการยอมรับในปัจจุบันในฐานะนายจ้างชั้นนำและการดำเนินธุรกิจที่ดีเลิศ ซึ่งดำเนินการโดยยึดตามค่านิยมหลัก 5 ประการ ได้แก่ ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก แสวงหาความเป็นเลิศ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และให้บริการผู้คนทั่วโลก

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับค่านิยมหลักของเรา

พ.ศ. 2470 - 2499

Marriott International เริ่มต้นจากแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2470 ผู้ก่อตั้ง J. Willard และ Alice Sheets Marriott เริ่มต้นธุรกิจด้วยการดับกระหายคลายความร้อนของผู้คนช่วงซัมเมอร์ในวอชิงตัน ดี.ซี. ธุรกิจนี้มีชื่อว่า Hot Shoppe เมื่อมีการเพิ่มเมนูมากขึ้น อาหารและบริการที่น่าประทับใจในราคายุติธรรมก็กลายเป็นหลักการชี้นำเมื่อบริษัทเติบโตขึ้น

2470

2470

กิจการแรกของบริษัทคือแผงขายรูทเบียร์เก้าที่นั่งในวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2470 JW Marriott เริ่มต้นธุรกิจกับหุ้นส่วน Hugh Colton หลังจากผ่านไปหนึ่งปี เขาย้ายกลับไปยังยูทาห์โดยให้คู่บ่าวสาว JW และ Alice Marriott ขยายธุรกิจ Hot Shoppe ต่อไป

2470 คู่บ่าวสาว J. Willard และ Alice S. Marriott พร้อมด้วยหุ้นส่วนธุรกิจ Hugh Colton เปิดแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W แห่งแรกในวอชิงตัน ดี.ซี. 2470 กิจการแรกของบริษัทคือแผงขายรูทเบียร์เก้าที่นั่งในวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2470 JW Marriott เริ่มต้นธุรกิจกับหุ้นส่วน Hugh Colton หลังจากผ่านไปหนึ่งปี เขาย้ายกลับไปยังยูทาห์โดยให้คู่บ่าวสาว JW และ Alice Marriott ขยายธุรกิจ Hot Shoppe ต่อไป
พ.ศ. 2471

พ.ศ. 2471

Hot Shoppe แห่งที่สามเปิดตัวในปีพ.ศ. 2471 ในวอชิงตัน ดี.ซี. และกลายเป็นร้านอาหารแบบไดรฟ์อินแห่งแรกทางฝั่งอีสต์โคสต์
พ.ศ. 2480

พ.ศ. 2480

ในปีพ.ศ. 2480 หลังจากเยี่ยมชม Hot Shoppe ใกล้สนามบิน J.W. Marriott คิดที่จะขยายธุรกิจโดยการจัดส่งอาหารไปยังสายการบินต่างๆ ที่สนามบินฮูเวอร์ทางตอนใต้ของวอชิงตัน ดี.ซี. แผนกบริการอาหารบนเครื่องบินได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจนถึงปีพ.ศ. 2532

พ.ศ. 2480 พ.ศ. 2480 ในปีพ.ศ. 2480 หลังจากเยี่ยมชม Hot Shoppe ใกล้สนามบิน J.W. Marriott คิดที่จะขยายธุรกิจโดยการจัดส่งอาหารไปยังสายการบินต่างๆ ที่สนามบินฮูเวอร์ทางตอนใต้ของวอชิงตัน ดี.ซี. แผนกบริการอาหารบนเครื่องบินได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจนถึงปีพ.ศ. 2532
พ.ศ. 2483 - 2493

พ.ศ. 2483 - 2493

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Hot Shoppes, Inc. เริ่มบริหารจัดการธุรกิจโรงอาหารในวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างพื้นที่ในอาคารหลายแห่งของรัฐบาล เช่น โรงงานป้องกันประเทศ และสวน McClean ซึ่งเป็นศูนย์ที่พักของรัฐบาลสำหรับให้บริการผู้คน การจัดการธุรกิจโรงอาหารขยายไปยังสถาบันต่างๆ ในช่วงปลายพุทธทศวรรษ 2480 ถึง 2490 ที่บริษัท วิทยาลัย และโรงพยาบาล

พ.ศ. 2483 - 2493 พ.ศ. 2483 - 2493 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Hot Shoppes, Inc. เริ่มบริหารจัดการธุรกิจโรงอาหารในวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างพื้นที่ในอาคารหลายแห่งของรัฐบาล เช่น โรงงานป้องกันประเทศ และสวน McClean ซึ่งเป็นศูนย์ที่พักของรัฐบาลสำหรับให้บริการผู้คน การจัดการธุรกิจโรงอาหารขยายไปยังสถาบันต่างๆ ในช่วงปลายพุทธทศวรรษ 2480 ถึง 2490 ที่บริษัท วิทยาลัย และโรงพยาบาล
2499

2499

ในปีพ.ศ. 2496 Hot Shoppes, Inc. กลายเป็นบริษัทมหาชนโดยเสนอขายหุ้นในราคา 10.25 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น หุ้นขายหมดภายในสองชั่วโมง
พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2498

ในปีพ.ศ. 2498 Hot Shoppe เริ่มขายแซนด์วิชแบบใหม่ ซึ่งเป็นแฮมเบอร์เกอร์สองชั้นชิ้นแรกในชายฝั่งตะวันออก Mighty Mo ได้รับการเสนอชื่อในการแข่งขันระดับบริษัทเพื่อเป็นเกียรติแก่เรือรบประจัญบาน USS Missouri

พ.ศ. 2498 พ.ศ. 2498 ในปีพ.ศ. 2498 Hot Shoppe เริ่มขายแซนด์วิชแบบใหม่ ซึ่งเป็นแฮมเบอร์เกอร์สองชั้นชิ้นแรกในชายฝั่งตะวันออก Mighty Mo ได้รับการเสนอชื่อในการแข่งขันระดับบริษัทเพื่อเป็นเกียรติแก่เรือรบประจัญบาน USS Missouri
พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2498

หลังจาก 28 ปีของสำนักงานใหญ่ในวอชิงตัน ดี.ซี. Hot Shoppes, Inc. ได้ย้ายไปที่มอนต์โกเมอรีเคาน์ตี รัฐแมริแลนด์ และบ้านหลังใหม่ในเมืองเบเทสดาในปีพ.ศ. 2498

พ.ศ. 2498 พ.ศ. 2498 หลังจาก 28 ปีของสำนักงานใหญ่ในวอชิงตัน ดี.ซี. Hot Shoppes, Inc. ได้ย้ายไปที่มอนต์โกเมอรีเคาน์ตี รัฐแมริแลนด์ และบ้านหลังใหม่ในเมืองเบเทสดาในปีพ.ศ. 2498

พ.ศ. 2500 - 2519

สามสิบปีหลังจากก่อตั้งธุรกิจแรก J.W. Marriott ขยายกิจการสู่ธุรกิจที่พักด้วยการเปิดตัว Twin Bridges Motor Hotel ในอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ลูกชาย Bill Marriott, Jr. ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจใหม่และดูแลการขยายโรงแรม

ปี 2500

ปี 2500

Twin Bridges Motor Hotel เปิดให้บริการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2500 ด้วยทำเลที่ตั้งที่ติดกับ Hot Shoppe โรงแรมขนาด 370 ห้องแห่งนี้เป็นจุดกำเนิดธุรกิจโรงแรมแมริออท

ปี 2500 คู่บ่าวสาว J. Willard และ Alice S. Marriott พร้อมด้วยหุ้นส่วนธุรกิจ Hugh Colton เปิดแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W แห่งแรกในวอชิงตัน ดี.ซี. ปี 2500 Twin Bridges Motor Hotel เปิดให้บริการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2500 ด้วยทำเลที่ตั้งที่ติดกับ Hot Shoppe โรงแรมขนาด 370 ห้องแห่งนี้เป็นจุดกำเนิดธุรกิจโรงแรมแมริออท
พ.ศ. 2502

พ.ศ. 2502

ด้วยความสำเร็จของโรงแรมแห่งแรก ตระกูล Marriott ได้เปิดโรงแรมแห่งที่สองในปีพ.ศ. 2502: Key Bridge Motor Hotel ในเมืองรอสลิน รัฐเวอร์จิเนีย ผู้ก่อตั้งบริษัท JW Marriott ได้รับความช่วยเหลือในการตัดริบบิ้นจาก Debbie Marriott หลานสาวของเขาและนักแสดงสาว Dina Merrill

พ.ศ. 2502 พ.ศ. 2502 ด้วยความสำเร็จของโรงแรมแห่งแรก ตระกูล Marriott ได้เปิดโรงแรมแห่งที่สองในปีพ.ศ. 2502: Key Bridge Motor Hotel ในเมืองรอสลิน รัฐเวอร์จิเนีย ผู้ก่อตั้งบริษัท JW Marriott ได้รับความช่วยเหลือในการตัดริบบิ้นจาก Debbie Marriott หลานสาวของเขาและนักแสดงสาว Dina Merrill
พ.ศ. 2509

พ.ศ. 2509

ในปีพ.ศ. 2509 แมริออทขยายธุรกิจในระดับสากลเมื่อแผนกบริการอาหารของสายการบิน In-Flite เข้าซื้อกิจการครัวการบินในการากัส, เวเนซุเอลา โดยให้บริการสายการบินต่างๆ ที่ใช้สนามบิน Maiquetia

พ.ศ. 2509 พ.ศ. 2509 ในปีพ.ศ. 2509 แมริออทขยายธุรกิจในระดับสากลเมื่อแผนกบริการอาหารของสายการบิน In-Flite เข้าซื้อกิจการครัวการบินในการากัส, เวเนซุเอลา โดยให้บริการสายการบินต่างๆ ที่ใช้สนามบิน Maiquetia
2511

2511

ในปีพ.ศ. 2511 แมริออทร่วมมือกับนักแสดงคาวบอย Roy Rogers เพื่อเปิดให้บริการเครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เสิร์ฟแซนด์วิชเนื้อย่าง
พ.ศ. 2512

พ.ศ. 2512

ในปีพ.ศ. 2512 แมริออทเปิดให้บริการโรงแรมแห่งที่ 11 ซึ่งเป็นโรงแรมในต่างประเทศแห่งแรกของบริษัท Paraiso ตั้งอยู่บนอ่าว Acapulco ในเม็กซิโก
พ.ศ. 2518

พ.ศ. 2518

ในปีพ.ศ. 2518 ขณะที่ธุรกิจที่พักยังคงเติบโต แมริออทได้เปิดโรงแรมสไตล์ยุโรปแห่งแรกในอัมสเตอร์ดัม
พ.ศ. 2519

พ.ศ. 2519

ในปีพ.ศ. 2519 แมริออทเปิดให้บริการสวนสนุกธีม Great America จำนวน 2 แห่งในเกอร์นี รัฐอิลลินอยส์ และซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย และขายในปีพ.ศ. 2527

พ.ศ. 2519 พ.ศ. 2519 ในปีพ.ศ. 2519 แมริออทเปิดให้บริการสวนสนุกธีม Great America จำนวน 2 แห่งในเกอร์นี รัฐอิลลินอยส์ และซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย และขายในปีพ.ศ. 2527

พ.ศ. 2520 - 2531

ปีพ.ศ. 2520 เป็นปีที่สำคัญยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นวันครบรอบ 50 ปีของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นปีแห่งการสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่อีกด้วย

พ.ศ. 2522

พ.ศ. 2522

ในปีพ.ศ. 2522 Marriott Corporation ย้ายไปยังสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในเมืองเบเทสดา รัฐแมริแลนด์ มีการเฉลิมฉลองกับครอบครัวและพนักงานของแมริออท

พ.ศ. 2522 คู่บ่าวสาว J. Willard และ Alice S. Marriott พร้อมด้วยหุ้นส่วนธุรกิจ Hugh Colton เปิดแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W แห่งแรกในวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2522 ในปีพ.ศ. 2522 Marriott Corporation ย้ายไปยังสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในเมืองเบเทสดา รัฐแมริแลนด์ มีการเฉลิมฉลองกับครอบครัวและพนักงานของแมริออท
พ.ศ. 2524

พ.ศ. 2524

ในปีพ.ศ. 2524 โรงแรมแมริออทแห่งที่ 100 - Maui Marriott Resort - เปิดให้บริการในฮาวาย JW Marriott และ Bill Marriott, Jr. เฉลิมฉลองด้วยการตัดริบบิ้นสุดพิเศษ
พ.ศ. 2526

พ.ศ. 2526

แมริออทเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ชื่อ Courtyard by Marriott ในปีพ.ศ. 2526 โดยเป็นโรงแรมสำหรับผู้เดินทางนักธุรกิจที่ออกแบบโดยผู้เดินทางนักธุรกิจ มีการเปิดให้บริการสองสามแห่งแรกในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย แล้วขยายไปทั่วประเทศ

พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2526 แมริออทเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ชื่อ Courtyard by Marriott ในปีพ.ศ. 2526 โดยเป็นโรงแรมสำหรับผู้เดินทางนักธุรกิจที่ออกแบบโดยผู้เดินทางนักธุรกิจ มีการเปิดให้บริการสองสามแห่งแรกในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย แล้วขยายไปทั่วประเทศ
พ.ศ. 2527

พ.ศ. 2527

แมริออทเปิดตัวโปรแกรม Honored Guest Awards สำหรับผู้เดินทางประจำในปีพ.ศ. 2527
พ.ศ. 2527

พ.ศ. 2527

โรงแรม JW Marriott แห่งแรกเปิดให้บริการที่วอชิงตัน ดี.ซี. ในปีพ.ศ. 2527 Bill Marriott, Jr. ตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาและผู้ก่อตั้งบริษัท โดยได้เห็นโครงการที่เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะเสียชีวิต

พ.ศ. 2527 พ.ศ. 2527 โรงแรม JW Marriott แห่งแรกเปิดให้บริการที่วอชิงตัน ดี.ซี. ในปีพ.ศ. 2527 Bill Marriott, Jr. ตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาและผู้ก่อตั้งบริษัท โดยได้เห็นโครงการที่เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะเสียชีวิต
พ.ศ. 2530

พ.ศ. 2530

ในปีพ.ศ. 2530 แมริออทเข้าซื้อกิจการ Residence Inn ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2518 ที่รัฐแคนซัส โดยขยายแบรนด์โรงแรมไปสู่ตลาดที่พักอาศัยระยะยาว
พ.ศ. 2530

พ.ศ. 2530

ในปีพ.ศ. 2530 แมริออทเปิดตัว Fairfield Inn แห่งแรกในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยตั้งชื่อตาม Fairfield Farm ซึ่งเป็นทรัพย์สินของครอบครัว Marriott ในชนบททางตอนเหนือของเวอร์จิเนีย นับเป็นการเข้าสู่ตลาดที่พักแบบประหยัดครั้งแรกของบริษัท

พ.ศ. 2530 พ.ศ. 2530 ในปีพ.ศ. 2530 แมริออทเปิดตัว Fairfield Inn แห่งแรกในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยตั้งชื่อตาม Fairfield Farm ซึ่งเป็นทรัพย์สินของครอบครัว Marriott ในชนบททางตอนเหนือของเวอร์จิเนีย นับเป็นการเข้าสู่ตลาดที่พักแบบประหยัดครั้งแรกของบริษัท

พ.ศ. 2532 - 2547

ในปีพ.ศ. 2532 บริษัทเปิดทำการ Warsaw Marriott ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งที่ 500 ในโปแลนด์ และเป็นโรงแรมแห่งแรกที่บริหารงานแบบตะวันตกในยุโรปตะวันออกและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในวอร์ซอว์

พ.ศ. 2536

พ.ศ. 2536

ในปีพ.ศ. 2536 Marriott Corporation ได้ทำการแตกหุ้นและก่อตั้งบริษัท 2 แห่งแยกกัน ได้แก่ Host Marriott Corporation และ Marriott International, Inc.

พ.ศ. 2536 คู่บ่าวสาว J. Willard และ Alice S. Marriott พร้อมด้วยหุ้นส่วนธุรกิจ Hugh Colton เปิดแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W แห่งแรกในวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2536 ในปีพ.ศ. 2536 Marriott Corporation ได้ทำการแตกหุ้นและก่อตั้งบริษัท 2 แห่งแยกกัน ได้แก่ Host Marriott Corporation และ Marriott International, Inc.
พ.ศ. 2538

พ.ศ. 2538

ในปีพ.ศ. 2538 แมริออทได้เพิ่มแบรนด์โรงแรมหรูอันโดดเด่นในพอร์ตโฟลิโอของบริษัท นั่นคือ The Ritz-Carlton Hotel Company โดยซื้อหุ้น 49% ในปีพ.ศ. 2541 แมริออทเข้าซื้อหุ้นอีก 49% ของ The Ritz-Carlton เพื่อการเป็นเจ้าของเกือบเต็มจำนวน

พ.ศ. 2538 พ.ศ. 2538 ในปีพ.ศ. 2538 แมริออทได้เพิ่มแบรนด์โรงแรมหรูอันโดดเด่นในพอร์ตโฟลิโอของบริษัท นั่นคือ The Ritz-Carlton Hotel Company โดยซื้อหุ้น 49% ในปีพ.ศ. 2541 แมริออทเข้าซื้อหุ้นอีก 49% ของ The Ritz-Carlton เพื่อการเป็นเจ้าของเกือบเต็มจำนวน
พ.ศ. 2540

พ.ศ. 2540

ในปีพ.ศ. 2540 แมริออทเปิดตัว TownePlace Suites ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมสำหรับการเข้าพักระยะยาวที่มีราคาปานกลาง
พ.ศ. 2540

พ.ศ. 2540

แมริออทเข้าซื้อกิจการบริษัทที่พักสุดหรู Renaissance Hotel Group ในปีพ.ศ. 2540 โดยเพิ่มจำนวนโรงแรมในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย

พ.ศ. 2540 พ.ศ. 2540 แมริออทเข้าซื้อกิจการบริษัทที่พักสุดหรู Renaissance Hotel Group ในปีพ.ศ. 2540 โดยเพิ่มจำนวนโรงแรมในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย
พ.ศ. 2541

พ.ศ. 2541

SpringHill Suites เปิดให้บริการครั้งแรกในปีพ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นแบรนด์ห้องสวีททั้งหมดที่มีราคาปานกลาง
พ.ศ. 2542

พ.ศ. 2542

กว่า 72 ปีหลังจากที่เปิดร้าน Hot Shoppe แห่งแรก ร้านสุดท้ายในมาร์โลว์ ไฮท์ส รัฐแมริแลนด์ก็ปิดตัวลงในปีพ.ศ. 2542 Bill Marriott, Jr และ Richard Marriott ลูกชายของผู้ก่อตั้งบริษัทได้เข้าร่วมในกิจกรรมปิดร้าน

พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2542 กว่า 72 ปีหลังจากที่เปิดร้าน Hot Shoppe แห่งแรก ร้านสุดท้ายในมาร์โลว์ ไฮท์ส รัฐแมริแลนด์ก็ปิดตัวลงในปีพ.ศ. 2542 Bill Marriott, Jr และ Richard Marriott ลูกชายของผู้ก่อตั้งบริษัทได้เข้าร่วมในกิจกรรมปิดร้าน
พ.ศ. 2547

พ.ศ. 2547

ในปีพ.ศ. 2547 Bulgari Hotel & Resort แห่งแรก ซึ่งก็คือ the Bulgari Hotel Milano ได้เปิดให้บริการในเมืองมิลาน อิตาลี ได้ร่วมพัฒนากับบริษัทออกแบบเครื่องประดับสุดหรู Bulgari S.p.A.

พ.ศ. 2547 พ.ศ. 2547 ในปีพ.ศ. 2547 Bulgari Hotel & Resort แห่งแรก ซึ่งก็คือ the Bulgari Hotel Milano ได้เปิดให้บริการในเมืองมิลาน อิตาลี ได้ร่วมพัฒนากับบริษัทออกแบบเครื่องประดับสุดหรู Bulgari S.p.A.

พ.ศ. 2548 - 2558

ในปีพ.ศ. 2550 Marriott International ประกาศความร่วมมือกับเจ้าของโรงแรม Ian Schrager และสร้างเครือโรงแรม EDITION ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมบูติกสุดหรูแนวไลฟ์สไตล์ใหม่ โรงแรมแห่งแรกของแบรนด์เปิดตัวในไวกิกิ ฮาวายในปีพ.ศ. 2553

พ.ศ. 2552

พ.ศ. 2552

ในปีพ.ศ. 2552 แมริออทเปิดตัว Autograph Collection ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของโรงแรมแบบอิสระสุดหรู

พ.ศ. 2552 คู่บ่าวสาว J. Willard และ Alice S. Marriott พร้อมด้วยหุ้นส่วนธุรกิจ Hugh Colton เปิดแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W แห่งแรกในวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2552 ในปีพ.ศ. 2552 แมริออทเปิดตัว Autograph Collection ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของโรงแรมแบบอิสระสุดหรู
พ.ศ. 2554

พ.ศ. 2554

ในปีพ.ศ. 2554 ความร่วมมือกับผู้ประกอบการโรงแรม Antonio Catalan ส่งผลให้ AC Hotels by Marriott ปรับโฉมแบรนด์โรงแรม AC ที่มีอยู่เดิมในอิตาลี สเปน และโปรตุเกสเป็นหลัก AC Hotel แห่งแรกเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาในปีพ.ศ. 2557 ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา

พ.ศ. 2554 พ.ศ. 2554 ในปีพ.ศ. 2554 ความร่วมมือกับผู้ประกอบการโรงแรม Antonio Catalan ส่งผลให้ AC Hotels by Marriott ปรับโฉมแบรนด์โรงแรม AC ที่มีอยู่เดิมในอิตาลี สเปน และโปรตุเกสเป็นหลัก AC Hotel แห่งแรกเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาในปีพ.ศ. 2557 ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา
พ.ศ. 2555

พ.ศ. 2555

ในปีพ.ศ. 2555 Arne Sorenson เข้ารับตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Marriott International โดยมี Bill Marriott, Jr. ดำรงตำแหน่งประธานบริหารและประธานคณะกรรมการ
พ.ศ. 2555

พ.ศ. 2555

แมริออทเข้าซื้อกิจการของ Gaylord Hotels โดยเพิ่มโรงแรมห้าแห่งและพื้นที่จัดงานประชุมและกิจกรรมประมาณสองล้านตารางฟุตในปีพ.ศ. 2555
พ.ศ. 2556

พ.ศ. 2556

ในปีพ.ศ. 2556 มีการประกาศเปิดตัว Moxy Hotels ให้เป็นแบรนด์ใหม่ที่มีสไตล์และราคาย่อมเยาสำหรับ Marriott โดยเฉพาะสำหรับผู้เดินทางรุ่นมิลเลนเนียล โรงแรม Moxy แห่งแรกเปิดในเมืองมิลาน อิตาลี ในปีพ.ศ. 2557

พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2556 ในปีพ.ศ. 2556 มีการประกาศเปิดตัว Moxy Hotels ให้เป็นแบรนด์ใหม่ที่มีสไตล์และราคาย่อมเยาสำหรับ Marriott โดยเฉพาะสำหรับผู้เดินทางรุ่นมิลเลนเนียล โรงแรม Moxy แห่งแรกเปิดในเมืองมิลาน อิตาลี ในปีพ.ศ. 2557
พ.ศ. 2557

พ.ศ. 2557

แมริออทเข้าซื้อกิจการโรงแรม Protea Hospitality Holdings ในแอฟริกาในปีพ.ศ. 2557 โดยเพิ่มจำนวนโรงแรมในเครือแมริออทในแอฟริกาเกือบสองเท่าด้วยจำนวนโรงแรม 116 แห่ง

พ.ศ. 2557 พ.ศ. 2557 แมริออทเข้าซื้อกิจการโรงแรม Protea Hospitality Holdings ในแอฟริกาในปีพ.ศ. 2557 โดยเพิ่มจำนวนโรงแรมในเครือแมริออทในแอฟริกาเกือบสองเท่าด้วยจำนวนโรงแรม 116 แห่ง
พ.ศ. 2558

พ.ศ. 2558

ในปีพ.ศ. 2558 แมริออทเข้าซื้อ Delta Hotels and Resorts ในแคนาดาซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 38 แห่งใน 30 เมืองทั่วประเทศ

พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน

ประกาศยุคใหม่ของ Marriott International ในปีพ.ศ. 2559 โดยเข้าซื้อกิจการ Starwood Hotels & Resorts Worldwide เพื่อยกสถานะเป็นบริษัทโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการเฉลิมฉลองที่ไทม์สแควร์ของนิวยอร์กซิตี

พ.ศ. 2559

พ.ศ. 2559

การเข้าซื้อกิจการ Starwood Hotels & Resorts ของแมริออทในปีพ.ศ. 2559 ทำให้เกิดแบรนด์ใหม่ 11 แบรนด์ ได้แก่ Westin Hotels & Resorts, Sheraton Hotels, Le Meridien, St. Regis Hotels & Resorts และ W Hotels

พ.ศ. 2559 คู่บ่าวสาว J. Willard และ Alice S. Marriott พร้อมด้วยหุ้นส่วนธุรกิจ Hugh Colton เปิดแฟรนไชส์รูทเบียร์ A&W แห่งแรกในวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2559 การเข้าซื้อกิจการ Starwood Hotels & Resorts ของแมริออทในปีพ.ศ. 2559 ทำให้เกิดแบรนด์ใหม่ 11 แบรนด์ ได้แก่ Westin Hotels & Resorts, Sheraton Hotels, Le Meridien, St. Regis Hotels & Resorts และ W Hotels
พ.ศ. 2561

พ.ศ. 2561

แมริออทเริ่มสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในย่านกลางใจเมืองเบเทสดา รัฐแมริแลนด์ในปีพ.ศ. 2561
พ.ศ. 2562

พ.ศ. 2562

ในปีพ.ศ. 2562 ได้เปิดตัวแมริออท บอนวอยแทน Marriott Rewards, Starwood Preferred Guest (SPG) และ The Ritz-Carlton Rewards โดยเป็นโปรแกรมการเดินทางเดียวในกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ททั่วโลกของบริษัท

พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2562 ในปีพ.ศ. 2562 ได้เปิดตัวแมริออท บอนวอยแทน Marriott Rewards, Starwood Preferred Guest (SPG) และ The Ritz-Carlton Rewards โดยเป็นโปรแกรมการเดินทางเดียวในกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ททั่วโลกของบริษัท
พ.ศ. 2564

พ.ศ. 2564

หลังจากการเสียชีวิตของประธานและซีอีโอ Arne Sorenson ในปีพ.ศ. 2564 Anthony Capuano ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Marriott International โดยเริ่มต้นทำงานกับบริษัทตั้งแต่ปีพ.ศ. 2538

พ.ศ. 2564 พ.ศ. 2564 หลังจากการเสียชีวิตของประธานและซีอีโอ Arne Sorenson ในปีพ.ศ. 2564 Anthony Capuano ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Marriott International โดยเริ่มต้นทำงานกับบริษัทตั้งแต่ปีพ.ศ. 2538
พ.ศ. 2565

พ.ศ. 2565

ในปีพ.ศ. 2565 สำนักงานใหญ่ระดับโลกสูง 21 ชั้นของ Marriott International เปิดทำการที่ใจกลางเมืองเบเทสดา รัฐแมริแลนด์ มีโรงอาหารที่ชื่อว่า The Hot Shoppe เพื่อเป็นการระลึกถึงจุดเริ่มต้นของบริษัท

พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2565 ในปีพ.ศ. 2565 สำนักงานใหญ่ระดับโลกสูง 21 ชั้นของ Marriott International เปิดทำการที่ใจกลางเมืองเบเทสดา รัฐแมริแลนด์ มีโรงอาหารที่ชื่อว่า The Hot Shoppe เพื่อเป็นการระลึกถึงจุดเริ่มต้นของบริษัท

ปลดล็อกประสบการณ์สุดพิเศษด้วยแอปแมริออท บอนวอย™

ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหน แอปนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางได้อย่างง่ายดาย

ปลดล็อกประสบการณ์สุดพิเศษด้วยแอปแมริออท บอนวอย™

เรื่องราวนวัตกรรมของเรา

พ.ศ. 2470 - 2499

2470

2470

พ.ศ. 2471

พ.ศ. 2471

พ.ศ. 2480

พ.ศ. 2480

พ.ศ. 2483 - 2493

พ.ศ. 2483 - 2493

2499

2499

พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2500 - 2519

ปี 2500

ปี 2500

พ.ศ. 2502

พ.ศ. 2502

พ.ศ. 2509

พ.ศ. 2509

2511

2511

พ.ศ. 2512

พ.ศ. 2512

พ.ศ. 2518

พ.ศ. 2518

พ.ศ. 2519

พ.ศ. 2519

พ.ศ. 2520 - 2531

พ.ศ. 2522

พ.ศ. 2522

พ.ศ. 2524

พ.ศ. 2524

พ.ศ. 2526

พ.ศ. 2526

พ.ศ. 2527

พ.ศ. 2527

พ.ศ. 2527

พ.ศ. 2527

พ.ศ. 2530

พ.ศ. 2530

พ.ศ. 2530

พ.ศ. 2530

พ.ศ. 2532 - 2547

พ.ศ. 2536

พ.ศ. 2536

พ.ศ. 2538

พ.ศ. 2538

พ.ศ. 2540

พ.ศ. 2540

พ.ศ. 2540

พ.ศ. 2540

พ.ศ. 2541

พ.ศ. 2541

พ.ศ. 2542

พ.ศ. 2542

พ.ศ. 2547

พ.ศ. 2547

พ.ศ. 2548 - 2558

พ.ศ. 2552

พ.ศ. 2552

พ.ศ. 2554

พ.ศ. 2554

พ.ศ. 2555

พ.ศ. 2555

พ.ศ. 2555

พ.ศ. 2555

พ.ศ. 2556

พ.ศ. 2556

พ.ศ. 2557

พ.ศ. 2557

พ.ศ. 2558

พ.ศ. 2558

พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน

พ.ศ. 2559

พ.ศ. 2559

พ.ศ. 2561